ศาลเจ้าแป๊ะกง ตั้งอยู่ติดกับถนนปาดังเบซาร์ ซึ่งสถานที่อยู่ตรงข้ามศูนย์บริการสาธารณสุขเทศบาลเมืองสะเดา โดยมีประวัติความเป็นมาดังต่อไปนี้
สมัยโบราณคนจีนอพยพหนีออกจากประเทศมาแสวงหาโชค บ้างก็หนีสงครามแล้วหนีมาขึ้นที่สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย อำเภอสะเดาเป็นจุดหนึ่งที่มีชาวจีนอพยพมาอยู่อาศัยกันมากที่หนึ่งของภาคใต้ คนจีนสมัยนั้นเรียกประเทศไทยว่า เสียมล้อ คนจีนเข้ามาแสวงโชคเพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าอยู่ มีความโอบอ้อมอารี เปิดเสรีในการทำมาหากิน ดังพระราชดำรัสของรัชกาลที่ 5 ที่ว่า ใครใคร่ค้า ค้า ใครใคร่ขาย ขาย ชาวจีนที่เข้ามาทำมาหากินจึงสามารถสร้างฐานะขึ้นมาได้ตามกำลังและความสามารถ ของแต่ละคน
อำเภอสะเดาก็เป็นอำเภอหนึ่งที่มีชาวจีนเข้ามาอาศัยตั้งรกรากเพื่อทำมาหา กิน ไม่มีบันทึกที่แน่นอนว่าชาวจีนได้เข้ามาอาศัยในอำเภอสะเดาตั้งแต่เมื่อใด ชาวจีนที่อาศัยอยู่ในสะเดาแบ่งเป็นหลักๆ มี 5 ภาษา คือ จีนแต้จิ๋ว จีนแคะ จีนกวางตุ้ง จีนไหหลำ และจีนฮกเกี้ยน ถึงแม้มีการแบ่งแยกทางภาษา แต่ชาวจีนเชื้อสายไทยในสะเดาก็มีความรักความสามัคคีกันเป็นอันมาก และมีความรักในเมืองสะเดาอย่างมาก
ศาลเจ้าแป๊ะกงสะเดาหลังเดิมก่อสร้างในปีใดไม่แน่นอนนัก แต่สร้างก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือที่เรียกว่าสงครามอินโดจีนโดยมี 3 คนหลักที่เป็นผู้ก่อตั้ง คือ นายคีบู แซ่ฉ้วน นายจิ๋วเต๊ก แซ่อึ่ง นายอะจ้อ แซ่ลิ้ม นายจื้อคี้ แซ่อั้ง นายซู่หมิง แซ่ลี และอีกคนคือ นายอาหมาย แซ่เอี้ย ได้ร่วมกันบริจาคเพื่อซื้อที่ดินประมาณ 12 ไร่ และสร้างศาลเจ้าแป๊ะกง แต่เดิมศาลเจ้าแป๊ะกงเป็นเพียงศาลาหลังเล็ก ๆ ครึ่งไม้ครึ่งสังกะสี ด้านข้างเป็นศาลาโล่ง ๆ เนื่องจากแป๊ะกงสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และเพื่อบริการประชาชน ช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนไร้ญาติ ศาลาข้างแป๊ะกงจึงเป็นศาลาอเนกประสงค์ ใช้ทำกิจธุระหลายอย่าง ตั้งแต่เป็นโรงทาน เป็นที่อยู่อาศัยของคนไร้ญาติ ขอทาน คนตาบอด คนเป็นโรคติดต่อ เป็นต้น ในขณะเดียวกันก็ยังเป็นที่เก็บศพ หรือเรียกว่าโรงดับจิต ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อต้องการช่วยเหลือผู้คน ที่ดินรอบ ๆ แป๊ะกงยังให้คนไม่มีบ้านมาเช่าที่ดินในราคาถูกเพื่อปลูกสร้างบ้าน สร้างครอบครัว จึงนับว่า แป๊ะกงสร้างมามีคุณูปการต่อผู้คนเป็นจำนวนมาก และแสดงให้เห็นถึงความเป็นคนใจบุญของท่านผู้ก่อตั้งทั้งสามท่าน ที่มิได้หวังผลประโยชน์ใดๆ
ตัวศาลเจ้าเมื่อสร้างแล้วเสร็จ นายซิ้มเซ่งกี่ (พ่อตาร้านไทยเจริญ) ได้ไปอัญเชิญองค์แป๊ะกงมาจากจังหวัดชลบุรี เพื่อให้ท่านสถิตปกปักรักษาชาวสะเดา และได้จดทะเบียนในชื่อ ศาลเจ้าโต๊ะแป๊ะกงชื่อโต๊ะแป๊ะกงนั้นมีที่มาคือ แต่เดิมคนที่ไปแจ้งกับทางราชการในสมัยนั้นเป็นชาวจีนแต้จิ๋ว พูดภาษาไทยก็ไม่ชัดเจน ได้ไปแจ้งในชื่อ ตั๋วแป๊ะกง ตั๋วในภาษาจีนแปลว่า ใหญ่ โต แต่นายทะเบียนที่รับแจ้งอาจจะฟังไม่ชัดเจน เลยเขียนเป็นชื่อภาษาไทยที่ใกล้เคียง คือ โต๊ะ และผู้แจ้งก็ไม่ทราบอาจจะอ่านภาษาไทยไม่ออกหรืออย่างไร ศาลเจ้าแป๊ะกงสะเดาจึงได้ชื่อ โต๊ะแป๊ะกง และขึ้นป้ายชื่อว่า โต๊ะแป๊ะกง มาตลอด